Rolex หน้าปัดสุดพิเศษ

นาฬิกาใหม่ปี 2025

Rolex หน้าปัดสุดพิเศษ
มนตร์สะกดเหนือจินตนาการ

สามรุ่นที่ออกแบบด้วยความโดดเด่นท้าทาย สร้างความแตกต่างอย่างลงตัวแห่งสีสันและวัสดุที่พร้อมมอบความรู้สึกแปลกใหม่ให้ผู้พบเห็น นาฬิกา Oyster Perpetual Cosmograph Daytona นาฬิกา GMT-Master II และนาฬิกา Sky-Dweller พร้อมแล้วที่จะเปล่งประกายอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยหน้าปัดรูปแบบใหม่

Rolex เผยโฉมหน้าปัดใหม่สุดเจิดจรัสของทั้งสามรุ่นนาฬิการะดับตำนานที่เปี่ยมไปด้วยความซับซ้อนทางเทคนิคและการออกแบบที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของแบรนด์

นาฬิกา Oyster Perpetual Cosmograph Daytona มาพร้อมกับหน้าปัดเคลือบเงาสีฟ้าเทอร์ควอยซ์อันโดดเด่น และเสริมด้วยส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดำสว่าง นาฬิการุ่นใหม่นี้รังสรรค์ด้วยวัสดุทองคำ 18 กะรัต และมาพร้อมขอบตัวเรือน Cerachrom สีดำที่เป็นสเกลวัดความเร็ว และประกอบเข้ากับสาย Oysterflex และชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock

rolex thailand nam sawang

Oyster Perpetual GMT-Master มาพร้อมกับหน้าปัดแบบใหม่ที่ทำจากหินไทเกอร์ไอออน หินจากธรรมชาติชนิดนี้เป็นส่วนผสมระหว่างพลอยตาเสือ แจสเปอร์แดง และฮีมาไทต์ การผสมผสานนี้ได้สรรสร้างประกายอันงดงามและมอบสีสันอันน่าทึ่งให้กับผู้พบเห็น Oyster Perpetual GMT-Master II นำเสนอในวัสดุ Everose gold 18 กะรัตที่มาพร้อมขอบหน้าปัด Cerachrom สีดำและสีน้ำตาล และประกอบเข้ากับสายนาฬิกา Oyster และชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock

rolex thailand nam sawang

Oyster Perpetual Sky-Dweller ที่เปรียบเสมือนผู้ร่วมทางอันซื่อสัตย์ของนักเดินทางทั่วโลก โดดเด่นด้วยสายนาฬิกา Jubilee ทองคำ 18 กะรัตที่มาพร้อม Oysterclasp ช่วยเพิ่มสัมผัสแห่งความประณีตให้มากยิ่งขึ้น

เซรามิกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง

เซรามิกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง

นับว่า Rolex เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเซรามิกพิเศษที่สามารถใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในตัวเรือนนาฬิกา วัสดุเหล่านี้ไม่เพียงป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างแท้จริง ทว่าสีของเซรามิกเหล่านี้ยังมีสีที่เข้มชัดและแตกต่างจากวัสดุอื่นๆ ทั้งยังทนทานต่อปัจจัยภายนอกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แบรนด์ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อขัดเกลาความเชี่ยวชาญและกระบวนการผลิตอย่างมีนวัตกรรม ทำให้แบรนด์สามารถผลิตชิ้นส่วนเซรามิกเหล่านี้ได้อย่างอิสระ

นาฬิกา Cosmograph Daytona รุ่นทองคำ 18 กะรัต มาพร้อมกับหน้าปัดเคลือบเงาสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ และขอบหน้าปัด Cerachrom แบบหล่อชิ้นเดียวที่ทำจากเซรามิกสีดำ ในส่วนของ GMT-Master II รุ่น Everose gold 18 กะรัต ที่มีหน้าปัดจากหินไทเกอร์ไอออนนั้นมาพร้อมกับขอบตัวเรือนหมุนได้สองทิศทาง และขอบหน้าปัด Cerachrom พร้อมขั้นบอกเวลา 24 ชั่วโมงสองสีที่ผลิตจากเซรามิกสีน้ำตาลและสีดำ

ขอบตัวเรือนแบบเซาะร่องอันเป็นเอกลักษณ์

ขอบตัวเรือนแบบเซาะร่องอันเป็นเอกลักษณ์

ขอบตัวเรือนแบบเซาะร่องได้เป็นส่วนหนึ่งของนาฬิการุ่นคลาสสิกหลายรุ่นในคอลเล็กชัน Oyster Perpetual นับตั้งแต่การมาถึงของนวัตกรรมตัวเรือน Oyster ในปี 1926 เดิมที ขั้นตอนการการเซาะร่องจะทำขึ้นเพื่อสกรูขอบตัวเรือนเข้ากับตัวเรือนตรงกลาง และเป็นสิ่งที่มอบคุณสมบัติการกันน้ำให้กับนาฬิกา ปัจจุบันนี้ การเซาะร่องได้มีจุดประสงค์หลักคือด้านความสวยงาม

โดยขอบตัวเรือนแบบร่องได้รับการผลิตขึ้นเป็นพิเศษจากทองคำ 18 กะรัต หรือแพลทินัม 950 นับว่าเป็นผลงานแห่งความเชี่ยวชาญอันเหนือชั้น และได้กลายเป็นหนึ่งในเสาหลักแห่งมรดกการออกแบบของแบรนด์

ตัวเรือน Oyster สัญลักษณ์แห่งการกันน้ำ

ตัวเรือน Oyster สัญลักษณ์แห่งการกันน้ำ

ตัวเรือน Oyster เปี่ยมด้วยความเป็นเลิศด้านความทนทาน ความน่าเชื่อถือ และความงดงาม ตัวเรือน Oyster ของนาฬิกา Cosmograph Daytona และ GMT-Master II จะมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มม. ในขณะที่ตัวเรือนของนาฬิกา Sky-Dweller จะมีขนาด 42 มม. และรับประกันการกันน้ำที่ความลึกถึง 100 เมตร (330 ฟุต) ตัวเรือนตรงกลางทำมาจากทองคำ 18 กะรัต หรือ Everose gold โดยใช้ก้อนแร่เพียงก้อนเดียวมาเป็นวัสดุตัวเรือน เม็ดมะยมไขลาน Triplock จะติดตั้งเข้ากับระบบกันน้ำสามชั้นและได้รับการป้องกันด้วยการ์ดป้องกันเม็ดมะยม ในส่วนของเม็ดมะยมไขลาน Twinlock ที่มาพร้อมกับระบบกันน้ำสองชั้นจะได้รับการสกรูเข้าอย่างแน่นหนากับตัวเรือนเช่นเดียวกันกับกระบวนการติดตั้งปุ่มกดด้านข้างโครโนกราฟบนนาฬิกา Cosmograph Daytona กระจกนาฬิกามาพร้อมเลนส์ Cyclops ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในรุ่นที่มีฟังก์ชันวันที่ โดยผลิตมาจากแซฟไฟร์ที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างแท้จริงและผ่านการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน

rolex thailand nam sawang
คาลิเบอร์ 4131, 3285 และ 9002

คาลิเบอร์ 4131, 3285 และ 9002

นาฬิกา Cosmograph Daytona นาฬิกา GMT-Master II และนาฬิกา Sky-Dweller ทำงานด้วยกลไกการทำงานของระบบขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex ซึ่งนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาถึงขีดสุดเพื่อมอบประสิทธิภาพอันเหนือชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงความเที่ยงตรง พลังงานสำรอง ความสะดวกสบาย และความน่าเชื่อถือ

นาฬิกา Cosmograph Daytona มาพร้อมกับคาลิเบอร์ 4131 ที่ช่วยให้นาฬิกาสามารถวัดช่วงเวลาผ่านฟังก์ชันจับเวลา นอกเหนือจากการแสดงชั่วโมง นาที และวินาทีตามปกติ คาลิเบอร์ 4131 เป็นผลลัพธ์แห่งความงดงามจากการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน รวมไปถึงสะพานจักรที่ได้รับการตกแต่งแบบ Rolex Côtes de Genève และลูกเหวี่ยงแบบคัตเอาต์

นาฬิกา GMT-Master II ได้รับการติดตั้งเข้ากับคาลิเบอร์ 3285 นับตั้งแต่มีการเปิดตัวกลไกการทำงานในปี 2018 โดยจะมีฟังก์ชันวันที่และเขตเวลาในรูปแบบ 24 ชั่วโมงที่เพิ่มเติมเข้ามา นอกเหนือไปจากการบอกเวลาในรูปแบบชั่วโมง นาที และวินาทีตามปกติ

นาฬิกา Sky-Dweller ทำงานด้วยคาลิเบอร์ 9002 และมาพร้อมกับปฏิทินรายปีที่มีการแสดงวันที่และเดือน นอกจากนี้ยังมีเขตเวลาในรูปแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยการแสดงชั่วโมง นาที และวินาที คาลิเบอร์ 9002 ได้รับการเปิดตัวในปี 2023 และมีการใช้งานกับนาฬิการุ่นนี้รุ่นเดียวเท่านั้น

คาลิเบอร์ 4131 คาลิเบอร์ 3285 และคาลิเบอร์ 9002 มาพร้อมกับระบบขึ้นลานอัตโนมัติผ่านโรเตอร์ Perpetual และด้วยสถาปัตยกรรมกระปุกลานและประสิทธิภาพชั้นเยี่ยมของชุดกลไกปล่อยจักร ทำให้พลังงานสำรองของกลไกการทำงานเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 72 ชั่วโมง 70 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมงตามลำดับ

สาย Oysterflex, สาย Oyster และสาย Jubilee

สาย Oysterflex, สาย Oyster และสาย Jubilee

นาฬิกา Cosmograph Daytona มาพร้อมกับหน้าปัดเคลือบเงาสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ และส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดำสว่าง พร้อมด้วยสายนาฬิกา Oysterflex สายโลหะนี้ได้รับการพัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย Rolex ซึ่งมาพร้อมกับบานพับสายแบบโค้งมนและยืดหยุ่นสองชิ้น โดยติดตั้งด้านละหนึ่งชิ้น และหล่อทับด้วยอีลาสโตเมอร์สีดำประสิทธิภาพสูง

นาฬิกา GMT-Master II มาพร้อมหน้าปัดไทเกอร์ไอออน และสายนาฬิกา Oyster ชุดข้อสายแบบสามข้อนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1930 และเป็นที่รู้จักกันดีถึงความทนทาน

นาฬิกา Sky-Dweller มาพร้อมหน้าปัดสีเขียวสว่างและสายนาฬิกา Jubilee สายนาฬิกาโลหะที่ประกอบด้วยข้อต่อห้าชิ้นนี้มอบความยืดหยุ่นและสวมใส่สบาย ซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อนาฬิกา Oyster Perpetual Datejust ในปี 1945

สายนาฬิกา Oysterflex ของนาฬิกา Cosmograph Daytona และสายนาฬิกา Oyster ของนาฬิกา GMT-Master II จะติดตั้งเข้ากับชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock แบบพับได้ ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการเปิดอ้าออกโดยไม่ตั้งใจ ในขณะที่สายนาฬิกา Jubilee ของนาฬิกา Sky-Dweller จะติดตั้งเข้ากับ Oysterclasp แบบพับได้

การรับรอง Superlative Chronometer

การรับรอง Superlative Chronometer

ดั่งเช่นนาฬิกาของ Rolex ทุกเรือน Oyster Perpetual Cosmograph Daytona, Oyster Perpetual GMT-Master II และนาฬิกา Oyster Perpetual Sky-Dweller นั้นผ่านการรับรอง Superlative Chronometer ตามนิยามใหม่ที่ Rolex กำหนดขึ้นในปี 2015 สถานะดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันว่านาฬิกาทุกเรือนที่ออกจากโรงงานผลิตได้ผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของ Rolex ภายในห้องปฏิบัติการตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดขึ้นโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปตามกฎการรับรองกลไกการทำงานอย่างเป็นทางการโดย Swiss Official Chronometer Testing Institute (COSC) การทดสอบเพื่อการรับรองภายในองค์กรใช้กับนาฬิกาที่ประกอบอย่างสมบูรณ์หลังการติดตั้งกลไกการทำงานแล้ว เพื่อรับประกันสมรรถนะอันเหนือชั้นเมื่อสวมใส่บนข้อมือทั้งในด้านความเที่ยงตรง พลังงานสำรอง การกันน้ำ และระบบขึ้นลานอัตโนมัติ สำหรับการรับรองอย่างเป็นทางการของกลไกการทำงานนั้น ความเที่ยงตรงของ Rolex Superlative Chronometer อยู่ที่ −2/+2 วินาทีต่อวัน โดยอัตราคลาดเคลื่อนที่แบรนด์ยอมรับได้สำหรับนาฬิกาที่เสร็จสมบูรณ์แล้วมีระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่ COSC ยอมรับอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ สถานะ Superlative Chronometer ใช้ตราสัญลักษณ์กรีนซีลที่มาพร้อมนาฬิกา Rolex ทุกเรือนควบคู่กับการรับประกันคุณภาพระดับสากล 5 ปี